วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เทวดึงษกรรมกร การลงโทษเลียนแบบนรกภูมิ




การลงโทษแบบเทวดึงษกรรมกร เลียนแบบนรก ใช้ในกรณีเป็นมหันตโทษ 
คำว่า เทวดึงษกรรมกร น่าจะเพี้ยนมาจาก ทวตฺติํสกมฺมกร  เป็น ภาษาบาลี  เป็นปกติสังขยา แปลว่า สามสิบสอง  การลงโทษสามสิบสองวิธี โดยครุโทษยี่สิบเอ็ดวิธีนี้ 

การลงโทษในลักษณะเทวดึงษกรรมกรนี้ เป็นการลงโทษด้วยวิธีการเลียนแบบการลงโทษชดใช้กรรมของสัตว์นรกในนรกภูมิ และวิธีการลงโทษอันโหดร้าย การประหารชีวิตด้วยการตัดหัวนี้เอง ทำให้ประเทศไทยเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ไม่ได้รับการยอมรับจากนาๆ อารยประเทศ โดยถูกมองว่าเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน

ติดตามอ่านเรื่องราวของการเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขตได้ที่นี่

http://natjar2001law.blogspot.com/2010/11/2.html

ในปัจจุบัน การลงโทษได้มีการพัฒนาลดความทารุณโหดร้ายลงมากแล้ว ด้วยการประหารชีวิตที่พัฒนาจากการตัดคอ เป็นการยิงเป้า และพัฒนาถึงการฉีดสารพิษให้เสียชีวิต นักโทษจะไม่ได้รับความทุกข์ทรมานจากการประหารชีวิตเลย กว่าจะเป็นการลงโทษที่ปรากฏตามมาตรา ๑๘ ประมวลกฏหมายอาญาอย่างทุกวันนี้ อดีตของประเทศไทยเรามีการลงโทษที่เด็ดขาด น่ากลัว อย่างมาก

ในกฏหมายตราสามดวง ปรากฏวิธีการลงโทษนักโทษไว้หลายรูปแบบ ซึ่งอ่านแล้วชวนให้สยองและสงสัยว่า จะเป็นการลงโทษที่ทำได้จนสำเร็จโทษทุกขั้นตอนจริงหรือ เพราะนักโทษน่าจะเสียชีวิตเสียก่อนที่การลงโทษจะบรรลุขั้นตอนเสียอีก

การลงโทษโดยวิธีเทวดึงษกรรมกรนี้ ใช้ในการลงโทษโดยมหันตโทษ (โทษหนัก) มีวิธีการต่างๆ ดังนี้

สถาน หนึ่ง ให้ต่อยกระบาลให้ศีรษะแยกออก แล้วเอาคีมคีบก้อนเหล็กที่เผาไฟจนแดงใส่ลงไปให้มันสมองพลุ่งฟูขึ้น

สถาน หนึ่ง ให้ตัดเพียงหนังที่หน้าจดปากจดหูจดคอแล้วให้มุ่นกระหมวดผมเอาไม้ท่อนสอด ใช้คนโยกข้างละคน เอาหนังและผมออกแล้วจึงเอากรวดทรายหยาบขัดกระบาลศีรษะ ชำระให้ขาวสะอาดเหมือนพรรณสีสังข์(คือให้มีสีขาวเหมือนสีของหอยสังข์)

สถาน หนึ่ง เอาขอเกี่ยวปากไว้ แล้วเอาประทีปตามไว้ในปาก หรือไม่ก็เอาสิ่งคมๆแหวะหรือผ่าปากจนถึงใบหูทั้ง2ข้าง แล้วเอาขอเกี่ยวให้อ้าไว้

สถานหนึ่ง ให้เอาผ้าชุบน้ำมัน พันทั้งกายแล้วเอาเพลิงจุด

สถานหนึ่ง ให้เชือดเนื้อเป็นริ้วๆตั้งแต่ใต้คอจนถึงข้อเท้าแล้วผูกเชือกฉุดคร่าตีด่า ให้เดินเลียริ้วเนื้อหนังของตนจนกว่าจะตาย

สถานหนึ่ง ให้เอาห่วงเหล็กสวมข้อศอกข้อเข่า แล้วเอาหลักเหล็กสอดตรึงไว้กับพื้นดิน แล้วเอาเพลิงลนให้รอบจนกว่าจะตาย

สถานหนึ่ง ให้เอาเบ็ดใหญ่ 2 คม เกี่ยวเพิกเนื้อหนังเอ็นใหญ่เอ็นน้อยให้หลุดขาดออกมาจนกว่าจะสิ้นมังสา

สถาน หนึ่ง ให้เอามีดที่มีคมเชือดเนื้อให้ตกออกมาจากกายทีละตำลึงจนกว่าจะสิ้นมังสา

สถาน หนึ่ง ให้แล่และสับฟันทั่วร่างกาย แล้วเอาแปลงหวีชุบน้ำแสบกรีดขุดลอกหนังและเนื้อกับเอ็นเล็กเอ็นน้อยออกให้ สิ้น ให้เหลือแต่กระดูก

สถานหนึ่ง ให้เอาน้ำมันเดือดๆราด รดสาดลงมาแต่ศีรษะ จนกว่าจะตาย

สถานหนึ่ง ให้เอาฝูงสุนัขซึ่งกักขังไว้ให้อดอยาก กัดทึ้งเนื้อหนังร่างกายกินให้เหลือแต่กระดูก

สถานหนึ่ง ให้เอาขวานฝ่าอกทั้งที่เป็นเหมือนแหกโครงเนื้อ

สถานหนึ่ง ให้แทงด้วยหอกทีละน้อยๆ จนกว่าจะตาย

สถานหนึ่ง ให้ขุดหลุมฝังเพียงเอวแล้วเอาฟางปกลงคลอกด้วยเพลิง พอหนังไหม้ก็ให้เอาเหล็กไถให้เป็นริ้วเล็กริ้วใหญ่ ท่อนเล็กท่อนใหญ่

เนื้อความตามที่ปรากฏในพระอัยการกระบดศึก

ให้ลงโทษกรรมกร ๒๑ สถาน ๆ หนึ่งคือให้ต่อยกระบาน
ศีศะเลิกออกเสียแล้ว เอาคิมคีบก้อนเหลกแดงใหญ่ใส่ลง ให้มันสะหมองศีศะพลุ่งฟูขึ้นดั่งม่อเคี่ยวน้ำส้มพะอูม สถานหนึ่งคือให้ตัดแต่หนังจำระเบื้องหน้า ถึงไพรปากเบื้องบนทังสองข้างเปนกำหนด ถึงหมวกหูทังสองข้างเปนกำหนด ถึงเกลียวฅอชายผมเบื้องหลังเปนกำหนดแล้วให้มุ่นกระหมวดผมเข้าทังสิ้น เอาท่อนไม้สอดเข้าข้างละคนโยกถอนคลอนสั่น เพิกหนังทังผมนั้นออกเสียแล้วเอากรวดทรายหยาบขัดกระบานศีศะชำระให้ขาวเหมือนพรรณศรีสังข์ สถานหนึ่งคือให้เอาขอเกี่ยวปากให้อ้าไว้แล้วตามประทับไว้ในปาก ไนยหนึ่งเอาปากสิ่วอันคมนั้นแสะแหวะผ่าปากจนหมวกหูทังสองข้าง แล้วเอาฃอเกี่ยวให้อ้าปากไว้ให้โลหิตไหลออกเตมปาก สถานหนึ่งคือเอาผ้าชุ่มน้ำมันพันให้ทั่วกายแล้วเอาเพลิงจุด สถานหนึ่งคือให้เอาผ้าชุบน้ำมันพันนิ้วมือสิ้นทัง ๑๐ นิ้วแล้วเอาเพลิงจุด สถานหนึ่งคือเชือดเนื้อให้เปน อย่าให้ขาดให้เนื่องด้วยหนังตั้งแต่ใต้ฅอลงไปถึงข้อเท้าแล้วเอาเชือกผูกจำให้เดิรเหยียบย่ำริ้ว แห่งตนให้ฉุดคร่าตีจำให้เดิรไปกว่าจะตาย สถานหนึ่งคือเชือดเนื้อให้เนื่องด้วยหนังเปน แต่ใต้ฅอลงมาถึงเอวแล้วเชือดแต่เอวให้เปน ลงมาถึงข้อเท้า กระทำเนื้อเบื้องบนนั้นให้เปนริ้วตกปกคลุมลงมาเหมือนนุ่งผ้าคากรอง สถานหนึ่งคือเอาหว่งเหลกสวมข้อสอกทังสองข้างข้อเฃ่าทังสองข้างให้หมั้นแล้วเอาหลักเหลกสอดลงในวงเหลกแย่งขึงตรึงลงไว้กับแผ่นดินอย่าให้ไหวตัวได้ แล้วเอาเพลิงลนให้รอบตัวกว่าจะตายสถานหนึ่งคือเอาเบดใหญ่มีคมสองข้างเกี่ยวทั่วกาย เพิกหนังเนื้อแลเอน ให้หลุดขาดออกมากว่าจะตาย สถานหนึ่งคือให้เอามีดที่คมเชือดเนื้อให้ตกออกมาจากกาย แต่ทิละตำลึงกว่าจะสิ้นมังสะ สถานหนึ่งคือให้แล่สับฟันทั่วกายแล้วเอาแปรงหวีชุบน้ำแสบกรีดครูดขุดเซาะหนังแลเนื้อแลเอน ให้ลอกออกมาให้สิ้นให้อยู่แต่ร่างกระดูก สถานหนึ่งคือให้นอนลงโดยข้าง ๆ หนึ่งแล้ว ให้เอาหลาวเหลกตอกลงไปโดยช่องหูให้แน่นกับแผ่นดิน แล้วจับเท้าทังสองหันเวียนไปดังบุทคลทำบังเวียน สถานหนึ่งคือทำมิให้เนื้อพังหนังขาด เอาลูกศีลาบดทุบกระดูกให้แหลกย่อยแล้วรวบผมเข้าทังสิ้น ยกขึ้นหย่อนลงกระทำให้เนื้อเปนกองเปนลอมแล้วพับห่อเนื้อหนังกับทังกระดูกนั้นทอดวางไว้ ทำดั่งตั่งอันทำด้วยฟางซึ่งวางไว้เชดเท้า สถานหนึ่งคือเคี่ยวน้ำมันให้เดือดพลุ่งพล่าน แล้วรดสาดลงมาแต่ศีศะกว่าจะตาย สถานหนึ่งคือให้กักขังสูนักขร้ายทังหลายไว้ ให้อดอาหารหลายวันให้เตมหยาก แล้วปล่อยออกให้กัดทิ้งเนื้อหนังกินให้เหลือแต่ร่างกระดูกเปล่า สถานหนึ่งคือให้เอาขวานผ่าอกทังเปนแหกออกดั่งโครงเนื้อ สถานหนึ่งคือให้แทงด้วยหอกทีละน้อย ๆ กว่าจะตาย สถานหนึ่งคือให้ขุดหลุมฝังเพียงเอวแล้วเอาฟางปกลงคลอกด้วยเพลิงภอหนังไหม แล้วไถด้วยไถเหลกให้เปนท่อน เปนริ้ว สถานหนึ่งคือให้เชือดเนื้อล่ำออกทอดด้วยน้ำมันเหมือนทอดขนมให้กินเนื้อตนเองสถานหนึ่งคือให้ตีด้วยไม้ตะบอง เปนต้น สถานหนึ่งคือให้ทวนด้วยไม้หวายทังหนาม แลโทษทังนี้ควรด้วยสถานใดให้เอาแต่สถานหนึ่ง

การลงโทษด้วยวิธีการทรมานร่างกายของนักโทษจนกว่าจะตายนี้ ปรากฏที่มาว่า นำมาจากไตรภูมิพระร่วง ในส่วนของนรกภูมิ ซึ่งเนื้อหาในส่วนนี้ แต่งมาจากพระไตรปิฏก

ฯลฯ นายนิริยบาลทั้งหลาย ให้สัตว์นรกกินก้อนคูถที่ร้อนจัด
และก้อนเหล็กแดงอันลุกโพลงให้ถือผานทั้งยาวทั้งร้อนสิ้นกาลนาน งัดปากให้อ้าแล้วเอาเชือกผูกไว้ ยัดก้อนเหล็กแดงเข้าไปในปาก ฝูงสุนัขแดง ฝูงสุนัขด่าง ฝูงแร้ง ฝูงกา และฝูงนกตระกรุม ล้วนมีปากเป็นเหล็ก มากลุ้มรุมจิกกัดลิ้นให้ขาดแล้วกินลิ้นอันมีเลือดไหล เหมือนกินของอันเป็นเดนเต็มไปด้วยเลือดฉะนั้น นายนิริยบาลเที่ยวเดินทุบตีสัตว์นรกผู้ฆ่าบิดานั้น ซึ่งมีร่างกายอันแตกไปทั่ว เหมือนผลตาลที่ถูกไฟไหม้ จริงอยู่ ความยินดีของนายนิริยบาลเหล่านั้น เป็นการเล่นสนุก แต่สัตว์นรกต้องได้รับทุกข์ คนผู้ฆ่าบิดาเหล่าใดเหล่าหนึ่งในโลกนี้ ต้องอยู่ในนรกเช่นนั้น ก็บุตรฆ่ามารดา จากโลกนี้แล้วต้องไปสู่ที่อยู่แห่งพระยายมย่อมเข้าถึงความทุกข์อย่างยิ่งด้วยผลแห่งกรรมของตน พวกนายนิริยบาลที่ร้ายกาจย่อมบีบคั้นสัตว์ผู้ฆ่ามารดา ด้วยผาลเหล็กแดงบ่อยๆ ให้สัตว์
นรกดื่มกินโลหิตที่เกิดแต่ตน อันไหลออกจากกายของตน ร้อนดังหนึ่งทองแดงที่ละลายคว้างบนแผ่นดิน

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๐
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๒

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=28&A=595&Z=732


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖ มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
เทวทูตสูตร

พระยายมถามอย่างนี้ว่า ดูกรพ่อมหาจำเริญ ท่านไม่ได้เห็นราชาทั้งหลาย
ในหมู่มนุษย์จับโจรผู้ประพฤติผิดมาแล้ว สั่งลงกรรมกรณ์ต่างชนิดบ้างหรือ คือ ฯ
             (๑) โบยด้วยแส้บ้าง
             (๒) โบยด้วยหวายบ้าง
             (๓) ตีด้วยตะบองสั้นบ้าง
             (๔) ตัดมือบ้าง
             (๕) ตัดเท้าบ้าง
             (๖) ตัดทั้งมือทั้งเท้าบ้าง
             (๗) ตัดหูบ้าง
             (๘) ตัดจมูกบ้าง
             (๙) ตัดทั้งหูทั้งจมูกบ้าง
             (๑๐) ลงกรรมกรณ์วิธี หม้อเคี่ยวน้ำส้ม บ้าง
             (๑๑) ลงกรรมกรณ์วิธี ขอดสังข์ บ้าง
             (๑๒) ลงกรรมกรณ์วิธี ปากราหู บ้าง
             (๑๓) ลงกรรมกรณ์วิธี มาลัยไฟ บ้าง
             (๑๔) ลงกรรมกรณ์วิธี คบมือ บ้าง
             (๑๕) ลงกรรมกรณ์วิธี ริ้วส่าย บ้าง
             (๑๖) ลงกรรมกรณ์วิธี นุ่งเปลือกไม้ บ้าง
             (๑๗) ลงกรรมกรณ์วิธี ยืนกวาง บ้าง
             (๑๘) ลงกรรมกรณ์วิธี เกี่ยวเหยื่อเบ็ด บ้าง
             (๑๙) ลงกรรมกรณ์วิธี เหรียญกษาปณ์ บ้าง
             (๒๐) ลงกรรมกรณ์วิธี แปรงแสบ บ้าง
             (๒๑) ลงกรรมกรณ์วิธี กางเวียน บ้าง
             (๒๒) ลงกรรมกรณ์วิธี ตั่งฟาง บ้าง
             (๒๓) ราดด้วยน้ำมันเดือดๆ บ้าง
             (๒๔) ให้สุนัขทึ้งบ้าง
             (๒๕) ให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็นๆ บ้าง
             (๒๖) ตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง ฯ
             สัตว์นั้นทูลอย่างนี้ว่า เห็น เจ้าข้า ฯ


http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=14&A=6750&Z=7030 

หมายเหตุ ในพระสูตร มิได้กล่าวถึงที่มาที่ไปว่า เหตุใดพระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงเรื่องนี้ จึงต้องดูในอรรถกถา ซึ่งจะเล่าเนื้อหาต้นสายปลายเหตุที่ทรงแสดง ก็ด้วยทรงพระปรารภปิตุฆาตกรรมของพระเจ้าอชาตศัตรู

http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=28&i=90